DIY ห้องเก็บเสียง สุดล้ำ ไม่ง้อช่าง

· อันดับแรก เราต้องป้องกันเสียงที่เล็ดรอดออกมาจากทางช่องเล็กๆของประตูและหน้าต่างก่อน เพราะช่องเล็กแต่เสียงไม่เล็กอย่าได้มองข้ามเด็ดขาด ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากๆในการที่ทำให้เสียงเข้ามาจากภายนอก หรือ เสียงจากภายในออกไป

อุปกรณ์ที่เราต้องใช้คือ SCG เทปกันเสียง รุ่น Noise Zeal ช่วยลดเสียง กันฝุ่น และสามารถลอกออกได้โดยไม่ทำลายพื้นผิว ผลิตจากยางวิศวกรรมคุณภาพสูงนวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่น ใช้ลดเสียงที่ผ่านเข้ามาในห้องผ่านประตูและหน้าต่าง

วิธีใช้

1.ทำความสะอาดบริเวณวงกบหรือหน้าต่าง, วงกบประตู หรือ บริเวณขอบประตูที่ต้องการติดตั้ง อย่าให้มีคราบหรือฝุ่น

2.ลอกกระดาษสีขาวออกและติดไปตามแนวที่ต้องการติดตั้ง เช่น วงกบ หรือ หน้าต่าง

3.ใช้มือกดลงไปตลอดตามแนวที่ติดตั้งให้แนบสนิท

4.ตัดส่วนที่เกินออกได้

แนะนำให้อุดรอยโหว่ของช่องพื้นด้านล่างของประตูด้วย HAFELE ซีลยางประตู ผลิตจากยางคุณภาพดี ให้ความยืดหยุ่นสูง ป้องกันฝุ่นละออง แมลง กลิ่น โดยเฉพาเสียงเข้าสู่ห้อง และช่วยป้องกันการไหลเข้า-ออกของอากาศ

· ส่วนที่สองที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ผนัง หากผนังบางก็สามารถทำให้มีเสียงเล็ดรอดได้ เราสามารถใช้ฟองน้ำซับเสียงมาติดตามแนวผนังห้อง ซึ่งฟองน้ำซับเสียงมีข้อดีหลายอย่าง เช่น กั้นไม่ให้เสียงจากภายนอกเข้ามา และ กั้นไม่ให้เสียงภายในออกไป ซึ่งคุณสมบัติเหมาะมากๆกับการทำห้องเก็บเสียง ฟองน้ำเก็บเสียงที่แนะนำคือ M-SORB ฉนวนลดเสียงสะท้อน ทรงพีระมิด 40 มม. PE BOARD 60x60 ซม.  อายุการใช้งานยาวนาน แข็งแรง ติดตั้งง่าย ไม่ลามไฟ ปราศจากสารตกค้าง สามารถติดตั้งได้ง่ายๆด้วยตัวเองเพียงแค่ทากาวทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีและทากาวที่ผนังให้ทั่วบริเวณที่จะติดตั้ง ทิ้งไว้พอหมาด ๆ ประมาณ 5-10 นาที นำแผ่นฉนวนที่ทากาวไว้แล้วมาติดบนผนังที่เตรียมไว้จนเต็มพื้นที่ 

· ผ้าม่าน และ พรม จุดที่ทุกคนมักมองข้าม หากบ้านหรือคอนโดมีหน้าต่างหรือประตูที่เป็นกระจก การใช้ผ้าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ค่อนข้างดีเพราะนอกจากจะช่วยดูดซับเสียงแล้ว ยังสามารถช่วยตกแต่งห้องได้ดีอีกด้วย แถมยังง่ายต่อการติดตั้ง ควรเลือกผ้าเนื้อหนาซักหน่อยเช่นผ้าสักหลาดหรือผ้าใยสังเคราะห์ก็ช่วยซับเสียงหรือลดเสียงได้




เพียงวิธีการง่ายๆเท่านี้ก็สามารถสร้างห้องเก็บเสียง หรือ ลดปัญหาเสียงรบกวนได้แล้ว  ใครกำลังสนใจทำห้องเก็บเสียงอยู่ก็ลองนำวิธีการไปปรับใช้ได้หรือหากต้องการสอบถามเพิ่มเติมก็สามารถมาคุยกันได้ที่




Facebook fanpage: นพดลพานิช